2162 จำนวนผู้เข้าชม |
มะรุมเป็นพืชที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างเวลานี้อากาศกำลังเย็นสบายแต่ฝนก็อาจโปรยลงมาให้เป็นหวัดหรือเป็นไข้ได้ง่าย แกงส้มฝักมะรุมช่วยต้านทานหวัดและไข้ได้อย่างดี บรรพบุรุษของเราท่านชาญฉลาดรู้ว่าฝักมะรุมที่นำมาแกงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เป็นอาหารแต่ช่วยป้องกันไข้และหวัดได้ด้วย
มีทั้งสิ้น 13 สายพันธุ์ แต่ที่มีคุณค่ามากที่สุดก็คือ Moringa oleifera Lamk ซึ่งก็คือมะรุมที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้พืชดีมีคุณค่าล้วนอยู่ในประเทศไทย ไม่เพียงเฉพาะฝักแต่ใบของมะรุมก็มีคุณค่ามหาศาลซึ่งมีให้รับประทานทั้งปี โดยไม่ต้องรอฝัก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายไม่แพ้กัน
มะรุมนั้นขึ้นได้ง่ายและไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษจึงมีใบให้รับประทานทุกฤดูกาล องค์การอนามัยโลกแนะให้หญิงตั้งครรภ์และแม่ที่ให้บุตรรับประทานใบมะรุม เพื่อที่ทารกมีน้ำหนักดีและแม่มีน้ำนมมากเพียงพอ แนะนำให้ทานใบมะรุมเพื่อป้องกันการสูญเสียสายตาจากการขาดไวตามินเอ ใช้เสี้ยงสัตว์ทำให้มีน้ำนมและน้ำหนักตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ น้ำหนักใบมะรุมช่วยให้พืชผลดกและมีน้ำหนักมากขึ้น ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้มีการเผยแพรปากต่อปากในหมู่เพื่อนฝูงและญาติมิตรถึงผลดีอันน่าทึ่งของใบมะรุมที่มีต่อสุขภาพ
จุลสารข้อมูลสมุนไพรปีที่ 26 กรกฏาคม 2552 เรื่อง มะรุม : พืชสมุนไพรหลากประโยชน์ กล่าวถึง เภสัชวิทยาของใบมะรุมไว้ว่า
มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ต้านการเกิดเนื้องอก ต้านมะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดแผลกระเพาะอาหาร ป้องกันตับอักเสบ ต้านอ๊อกซิเดชั่น ต้านไวรัส Herpes simplex virus type 1, ต้านเชื้อแบคทีเรีย ควบคุมฮอร์โมนต่อมธัยรอยด์ ลดระดับน้ำตาล ช่วยสมานแผล และยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด
หนังสือนาฬิกาชีวิตเล่ม 2 กล่าวว่ามะรุมช่วยเพิ่มมวลกระดูก และเพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกาย
ในด้านความปลอดภัย พบว่าใบมีความปลอดภัยสูง แต่การรับประทานส่วนอื่น โดยเฉพาะเมล็ดยังต้องระมัดระวัง